เวิลด์ฟูดส์ฯ รุกส่งออก ส่ง “เอ็ม-จอย” ยกระดับเอสเอ็มอีไทยสู่สากล

เวิลด์ฟูดส์ฯ ส่งออกน้ำผลไม้ผสมวุ้นน้ำมะพร้าวตรา “เอ็ม-จอย” (M-Joy)
พร้อมขยายตลาดต่างประเทศ เตรียมแผนรุกตลาดจีน-อินเดีย ตะวันออกกลาง
และตลาด CLMV รับตลาดส่งออกโตอย่างต่อเนื่อง ชูจุดแข็งเหนือคู่แข่ง
เพราะ “น้ำผลไม้มีวุ้น รสชาติอร่อยถูกปาก คุณภาพดี ราคาไม่แพง”
พร้อมเดินสายโรคโชว์งานแสดงสินค้าในต่างประเทศ
เสริมความแข็งแกร่งยกระดับแบรนด์เอสเอ็มอีไทยสู่ตลาดโลก
ตอกย้ำการได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นประเภทบริหารธุรกิจสู่สากล (Global SME)

นางสาวกัญญา ติลกเรืองชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์ ฟูดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ผสมวุ้นน้ำมะพร้าว ภายใต้แบรนด์ “เอ็ม-จอย” (M-Joy)
เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทฯ มีนโยบายขยายช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ

โดยตลาดในประเทศจะรุกตลาดในเขตกรุงเทพมหานครอย่างจริงจังมากขึ้น
โดยเน้นส่งสินค้าที่มีคุณภาพ ราคาย่อมเยาขยายช่องทางใน convenience store มากขึ้น
โดยจะเพิ่มการกระจายสินค้าใน Big C Mini ทุกสาขา รวมถึงสาขาในปั๊มบางจาก
เพิ่ม Max mart ปั๊ม PT รวมถึง Jiffy ในปั๊ม ปตท. และ Lawson 108
จากเดิมที่มีจำหน่ายอยู่แล้วในแม็คโคร, กูร์เมต์ มาร์เก็ต และโฮมเฟรช มาร์ท
ในเครือเดอะมอลล์ทุกสาขา ร้านจิฟฟี่ และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ

นอกจากนี้ เวิลด์ ฟูดส์ฯ ยังมีนโยบายขยายตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายต่างประเทศมากขึ้น โดยส่งไปออกแล้วไปกว่า 20 ประเทศ มีตลาดใหญ่อยู่ที่จีน กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่าง CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) ตะวันออกกลาง และอินเดีย
ซึ่งปีนี้บริษัทฯ จะมุ่งเพิ่มยอดส่งออกและขยายฐานลูกค้าพื้นที่ในตลาดจีนให้คลอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อสูงมากและเป็นตลาดใหญ่ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก รวมถึงการบุกตลาดอย่างจริงจังในตลาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูงในตะวันออกกลาง และอินเดีย รวมกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่าง CLMV เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพในทศวรรษนี้

โดยบริษัทได้จับมือกับพันธมิตรและทีมคู่ค้าที่เข้มแข็งพร้อมดูแลตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะ “สินค้าของเวิลด์ ฟูดส์ เรียกได้ว่าตรงกับความชื่นชอบของคนจีนและคนอินเดีย ด้วยจุดแข็งน้ำผลไม้ของเรา คือ น้ำผลไม้มีวุ้น รสชาติอร่อย คุณภาพดีและราคาย่อมเยา ซึ่งมีอยู่ไม่กี่เจ้าในตลาดที่ทำสินค้าชนิดนี้ได้ เนื่องจากกรรมวิธีการผลิตที่ยากต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ ส่วนผู้ผลิตท้องถิ่นที่ผลิตสินค้าประเภทเดียวกัน ส่วนมากจะเป็นน้ำผลไม้ที่ไม่มีวุ้น อีกทั้งยังมองว่าสินค้าจากไทยเป็นสินค้าดีมีคุณภาพ แนวโน้มจึงมีโอกาสเติบโตขึ้นเรื่อยๆ สำหรับผู้ประกอบการไทย และการแข่งขันก็ไม่สูงมากนักสำหรับกลุ่มน้ำผลไม้ super economy เนื่องจากตลาดกลุ่มนี้เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก” นางสาวกัญญากล่าว และเสริมว่า

บริษัทฯ จึงพร้อมขยายกำลังการผลิต รวมทั้งการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าต่างประเทศ
ด้วยกระบวนการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลทั้ง HACCP, GMP, ISO 22000:2005 จาก Intertek และรับรองการผลิตจากคณะกรรมการอิสลามกลาง (ฮาลาล) และ โรงงานสีเขียว (Green Industry) ระดับที่ 2 จากกระทรวงอุตสาหกรรม
โดยบริษัทฯได้ดำเนินงานมานานกว่า 25 ปี และในปี 2561 ที่ผ่านมา
บริษัทได้รับรางวัล The Prime Minister’s Industry Award 2018 อุตสาหกรรมกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประเภทบริหารธุรกิจสู่สากล (Global SME)

นางสาวกัญญากล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายตลาดต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของยอดขายรวม 300 ล้านบาท ส่วนในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายขยายสัดส่วนรายได้ตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 15% โดยบริษัทได้เพิ่มกลยุทธ์การตลาดและส่งเสริมการขาย ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทได้ไปร่วมออกงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศมากขึ้นร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็น งาน Top Thai Brands 2019 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กรุงฮานอย และโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม งาน Fine Food Shanghai 2019 ที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน รวมถึงงาน THAIFEX 2019 ที่จะจัดขึ้นที่อิมแพค เมืองทองธานี ปลายเดือนพฤษภาคมนี้ด้วย